วันพฤหัสบดีที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2560

น้ำตกกรุงชิง



น้ำตกกรุงชิง 



น้ำตกกรุงชิง อีกหนึ่งน้ำตกที่มีความสวยงามและมีชื่อเสียงมากเป็นอันดับต้นๆของจังหวัดนครศรีธรรมราช น้ำตกตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ของ อุทยานแห่งชาติเขาหลวง อุทยาน แห่งชาติที่ตั้งอยู่ในตำบลกรุงชิง ชื่อ "กรุงชิง" มาจากคำว่า "ต้นชิง" ซึ่งเป็นพันธุ์ไม้ตระกูลปาล์มชนิดหนึ่งที่มีอยู่มาก ในเขตนี้ที่นี่มีประวัติศาสตร์จากการที่เคยเป็นที่ตั้งของกลุ่ม คอมมิวนิสต์ แต่ปัจจุบันกลายมาเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สวยงามที่ มีผู้คนมาเยือนไม่ขาดสาย ด้วยน้ำตกขนาด 7 ชั้น ที่ลดหลั่นความสูงลงมาต่างๆ ระดับกัน ในป่าเขตนี้ยังเป็นเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติของป่าที่อุดมสมบูรณ์อีกด้วย เนื่องจาก มีพืชพรรณไม้ต่างๆ ให้ได้ศึกษา เช่น เฟิร์นมหาสดำ ปาล์มชก ต้นหลุมพอ ปาล์มชิง ปาล์มช้างร้องไห้ และอื่นๆอีกหลายชนิดที่หาชมได้เฉพาะที่นี่เท่านั้น 

ระยะทางเริ่มเดินจนสิ้นสุดก็จะประมาณ 3.7 กิโลเมตร การเข้าไปชมน้ำตกกรุงชิง จะต้องเดินทางด้วยเท้าจากที่ทำการหน่วยอุทยาน เดินเข้าไปในป่า ตามเส้นทางเดินที่เตรียมเอาใว้ จะมีป้ายบอกเส้นทางและสิ่งที่น่าสนใจระหว่างทางเป็นระยะๆ ทางเดินเป็นทางลาดชันและขรุขระเล็กน้อย สามารถเดิน ได้ไม่ค่อยลำบากแต่มีทากควรเตรียมอุปกรณ์มาให้พร้อม  





ที่พักและสิ่งอำนวยความสะดวก 
  • บ้านพักรับรอง อุทยานแห่งชาติน้ำตกกรุงชิง มีบ้านพักรับรองทั้งหมด 7 หลังแต่ละหลังมี 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ แต่ราคาที่พักไม่เหมือนกัน
  • ร้านสวัสดิการ ซึ่งอยู่ในความดูแลของอุทยานแห่งชาติน้ำตกกรุงชิง บริการอาหารแห้ง น้ำ และอื่น ๆ
  •  อาคารบริการนักท่องเที่ยว เป็นสถานที่จัดนิทรรศการ เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ทราบข้อมูลของน้ำตกกรุงชิงและพืชพันธุ์ไม้
  • ศาลารับประทานอาหาร มี 1  ศาลา ให้นักท่องเที่ยวได้แวะพักรับประทานอาหารที่เตรียมมา
  • ลานจอดรถ จอดรถได้ถึง 25-50 คัน
  •  ห้องสุขา มีทั้งหญิงและชายอย่างละ 1 หลัง 
สามารถติดต่อได้ที่ทำการอุทยานแห่งชาติเขาหลวง หรือ ที่ทำการหน่วยอุทยานแห่งชาติเขาหลวง(หน่วยพิทักษ์ป่ากรุงชิง) โทรศัพท์ 0 7530 0494, 
0 7539 1218, 0 7539 1240

การเดินทาง
  จากตัวเมืองนครศรีธรรมราชไปตามทางหลวงหมายเลข 4016  ผ่านสถาบันราชภัฏ พรหมคีรี บ้านนาเหรง บ้านห้วยพาน ระยะทางประมาณ 62 กิโลเมตร มีทางแยกเป็นทางลูกรังไปหน่วยพิทักษ์ป่ากรุงชิง ประมาณ 8  กิโลเมตร การขึ้นสู่บริเวณน้ำตกกรุงชิงต้องเดินทางด้วยเท้า บริเวณน้ำตกปกคลุมไป ด้วยป่าดิบหนาทึบ ระยะทาง 3.5 ก.ม. ใช้เวลาเดินทางไปสู่น้ำตกกรุงชิงประมาณ 1  ชั่วโมง 30 นาที




น้ำตกโยง อ.ทุ่งสง นครศรีธรรมราช




อุทยานแห่งชาติน้ำตกโยง 

มีเนื้อที่ทั้งหมดประมาณ 128,125 ไร่ หรือ 205 ตารางกิโลเมตร ครอบคลุมที่ดินป่าเขาเหมน ป่าเขาหลวง ป่าปลายคลองวังหีบ ป่าน้ำตกโยง และป่าคลองแพรก ในท้องที่ตำบลช้างกลาง อำเภอฉวาง ตำบลเขาแก้ว ตำบลลานสกา อำเภอลานสกา ตำบลนาบอน อำเภอนาบอน ตำบลนาหลวงเสน ตำบลถ้ำใหญ่ อำเภอทุ่งสง และตำบลหินตก ตำบลร่อนพิบูลย์ อำเภอร่อนพิบูลย์ จังหวัดนครศรีธรรมราช ได้รับการประกาศให้เป็นอุทยานแห่งชาติ เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ 2534 นับเป็นอุทยานแห่งชาติลำดับที่ 64 ของประเทศไทย


อุทยานฯ น้ำตกโยง มีภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็นเทือกเขาสูงสลับซับซ้อนทอดยาวตามแนวเหนือใต้ มียอดเขาสำคัญมากมาย ทั้งเขาทง เขาวังหีบ เขาพระ เขาหลวง เขาโยง เขาลำโรม เขาปากแพรก เขาปลายเปิก เขาคูหา โดยมียอดเขาเหมนเป็นยอดเขาสูงสุด สูง 1,235 เมตร จากระดับน้ำทะเล และเป็นแหล่งต้นน้ำสำคัญของลุ่มน้ำตาปี ลุ่มน้ำปากพนัง และลุ่มน้ำตรัง สภาพป่าทั่วไปเป็นป่าดิบชื้น และป่าดิบเขา ด้วยสภาพธรรมชาติที่สมบูรณ์มากทำให้ที่นี่มีน้ำตกสวย และยอดเขาสูงที่มีวิวงดงามให้นักผจญภัยได้ชื่นชมความงามกัน
โดยน้ำตกที่คุณไม่พลาดชมเลยนั่นก็คือ น้ำตกโยง ห่างจากที่ทำการอุทยานฯ เพียง 300 เมตร มีทั้งหมด 7 ชั้น น้ำตกชั้นแรก สายน้ำจะไหลผ่านหน้าผาสูงชันลงมาเป็นเกลียวสวยงามมาก แถมยังมีปลาพลวงจำนวนมากด้วย น้ำตกปลิว อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานฯ 3 กิโลเมตร เป็นน้ำตกขนาดกลาง มีน้ำตกทั้งหมด 7 ชั้น ชั้นที่ 3 ชั้นที่ 5 และชั้นที่ 7 จะสวยโดดเด่นกว่าชั้นอื่น น้ำตกคลองจัง อยู่ในหน่วยพิทักษ์อุทยานฯ ที่ ตย.1 (คลองจัง) เป็นน้ำตกหินปูนมีทั้งหมด 2 ชั้น มีแอ่งน้ำให้คุณว่ายน้ำเล่นด้วย น้ำตกหนานโจน อยู่ที่หน่วยพิทักษ์อุทยานฯ ที่ ตย.2 (หนานโจน) เป็นน้ำตกที่มีสภาพป่าสมบูรณ์มาก เหมาะสำหรับนักนิยมไพร และน้ำตกคูหาสวรรค์ อยู่ที่หน่วยพิทักษ์อุทยานฯ ที่ ตย.3 (เขาลำโรม) หนึ่งในน้ำตกที่มีวิวของเทือกเขาสลับซับซ้อนสวยงามมาก





ที่ตั้ง : ตำบลถ้ำใหญ่ อำเภอทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราช
การเดินทาง : จากกรุงเทพมหานคร ระยะทางประมาณ 774 กิโลเมตร มาถึงตัวอำเภอทุ่งสง และจากตัวอำเภอทุ่งสงมาถึงอุทยานแห่งชาติน้ำตกโยงโดยใช้ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 403 เลี้ยวซ้ายข้างมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย วิทยาเขตนครศรีธรรมราช มาประมาณ 4 กิโลเมตร จะถึงบริเวณน้ำตกโยง



สิ่งอำนวยความสะดวก : อุทยานฯ น้ำตกโยง มีบ้านพักเดี่ยวแยกหลังและลานกางเต็นท์ให้คุณได้สัมผัสบรรยากาศความร่มรื่นของป่าดงดิบชื้นอย่างใกล้ชิด และยังมีร้านอาหารสวัสดิการเปิดบริการตลอดทั้งวันด้วย
ติตต่อ-สอบถาม : อุทยานแห่งชาติน้ำตกโยง โทรศัพท์ 075-354-967


กำแพงเมืองนครศรีธรรมราช



กำแพงเมืองนครศรีธรรมราช

กำแพงเมืองนครศรีธรรมราช เป็นกำแพงเมืองที่เคยปกป้องเมืองนครศรีธรรมราชจากข้าศึก เป็นโบราณสถานที่สำคัญของจังหวัด ป็นเครื่องแสดงถึงความเก่าแก่ ความแข็งแกร่ง ความเจริญรุ่งเรือง และประวัติศาสตร์อันยาวนาน ปัจจุบันได้รับการบูรณะใหม่ให้ แข็งแรงและสวยงาม เพื่อพัฒนาเป็นอีก 1 สถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์อันทรงคุณค่า มีลักษณะเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า มีที่ตั้งอยู่ หลายจุดด้วยกัน แต่ที่เหลือให้ชม คือ กำแพงเมืองด้านทิศเหนือ อยู่ริมคลองหน้าเมือง ถนนมุมป้อม ความแข็งแกร่งความ เจริญรุ่งเรือง และประวัติศาสตร์อันยาวนาน กำแพงเมืองนครศรีธรรมราชตั้งอยู่ริมคลอง หน้าเมือง ถนน มุมป้อม อำเภอเมือง จังหวัดนครศรีธรรมราช การสร้างปรากฏหลักฐาน จากตำนานเมืองนครศรีธรรมราชว่าสร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าศรีธรรมาโศกราช เมื่อตั้งเมืองขึ้นที่ หาด ทรายแก้ว แล้วจึงสร้างกำแพง เมืองเป็นกำแพงดิน มีคูล้อมรอบสันนิษฐานว่า มีการบูรณะกำแพง เมืองส่วนต่างๆ กันมาหลายครั้งทุกครั้ง คงพยายามรักษา แนวกำแพงเดิมไว้




สถานที่ : สนามหน้าเมืองจังหวัดนครศรีธรรมราช

สามารถเดินทางได้โดยรถโดยสาร  และ รถส่วนตัว








บ้านท่านขุนรัฐวุฒิวิจารณ์เรือนปั้นหยาแห่งนครศรีธรรมราช



บ้านท่านขุนรัฐวุฒิวิจารณ์เรือนปั้นหยาแห่งนครศรีธรรมราช

    ขอเชิญชมบ้านท่านขุน สืบสานตำนาน เรื่องเล่าท่านขุน ซึ่งมีอายุมากกว่า108 ปี

บรรยากาศที่ย้อนยุค รวมไปถึงศิลปหัตถกรรมที่เต็มไปด้วยความสวยงาม อาหารพื้นบ้าน ของที่ระลึก

อันน่าประทับใจของเมืองนคร



เรือนปั้นหยาหลังนี้อยู่ที่นครศรีธรรมราช รักษาไว้โดยหลาน-เหลน ของนายเขียน มาลยานนท์ ผู้ได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าให้เป็น “ขุนรัฐวุฒิวิจารณ์” นายอำเภอเมืองกลาย ถือศักดินา ๘๐๐ ไร่ เมื่อวันที่ ๑๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๕๕ (ในสมัย พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๖)ปัจจุบันกลายเป็นสถานที่อนุรักษ์วัฒนธรรม เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ใครๆก็อยากไปชม





ตามประวัติ นายเขียน มาลยานนท์ เกิดวันที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๔๒๔ ตรงกับวันเสาร์ ขึ้น ๑ ค่ำ ปีมะเส็ง ที่ตำบลนา อำเภอเมือง เมืองนครศรีธรรมราช  (หากท่านมีชีวิตอยู่ปัจจุบันก็อายุ ๑๓๕ ปี) ท่านเป็นลูกของนายมาไลยและนางส้มจีน มาลยานนท์ แต่งงานกับนางปั้น จักรมานนท์  นางปั้นเป็นลูกของนายกุ้งและนางศรีกิ้น จักรมานนท์
นางปั้นและขุนรัฐวุฒิวิจารณ์ ไม่มีบุตร จึงยกที่ดินและบ้านหลังนี้ให้แก่นายโกวิท ตรีสัตยพันธุ์  หลานชายคนโตเป็นลูกของนางจันทร์ พี่สาวของนางปั้น
นายโกวิท ตรีสัตยพันธุ์ ใช้บ้านและที่ดินเปิดเป็นโรงเรียนชื่อ “โรงเรียนรัฐวุฒิวิทยา เพื่อเป็นเกียรติแก่ท่านขุนรัฐวุฒิวิจารณ์ เมื่อปี พ.ศ.๒๔๘๒ ที่บ้านเลขที่ ๓๒ ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดนครศรีธรรมราช มีนักเรียน ๒๖ คน ครู ๒ คน เริ่มทำการเรียนการสอนเมื่อวันที่ ๑๕ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๘๒ โดยทำการสอนตั้งแต่ชั้นเด็กเล็กถึงชั้นมัธยมปีที่ ๑ (ป.๕ ปัจจุบัน)
ต่อมาเปลียนชื่อเป็นโรงเรียนนครวิทยาเมื่อทำการสอนมาได้ ๓ ปี ในปีพ.ศ. ๒๔๘๔ สงครามมหาเอเซียบูรพาเริ่มเกิดขึ้น โรงเรียนทุกแห่งต้องปิดบ้างเปิดบ้าง เนื่องจากประชาชนต้องอพยพหลบภัยสงคราม นักเรียนไม่ได้เล่าเรียนเต็มตามหลักสูตร ทำให้ฐานะทางการเงินของโรงเรียนตกต่ำจนแทบจะดำรงอยู่ไม่ได้
เมื่อสงครามสงบลงก็พยายามพยุงฐานะของโรงเรียนขึ้น พยายามปรับปรุงทีละเล็กละน้อยทั้งด้านสถานที่ ครูและอุปกรณ์การศึกษาเพื่อให้ทัดเทียมกับโรงเรียนราษฎร์อื่นๆที่เปิดทำการสอนมาก่อน
ในปี พ.ศ. ๒๕o๕ จังหวัดนครศรีธรรมราชประสพวาตภัยร้ายแรง (วาตภัยแหลมตะลุมพุก)เมื่อวันที่ ๒๕ ตุลาคม ๒๕oสร้างความเสียหายให้กับชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนเป็นจำนาวนมาก โรงเรียนนครวิทยาต้องสูญเสียอาคารเรียนขนาด ๔ ห้องเรียน ๑ หลัง ค่าเสียหายประมาณ ๓o,ooo บาท
หลังจากนั้นแม้จะพยายามแก้ไขปัญหาเรื่องสถานที่เรียนและปัญหาด้านอื่นๆ สำเร็จลุล่วงไปได้บ้างแล้วก็ตาม แต่ก็พบกับปัญหาอีกอย่างหนึ่ง คือ ขาดครูผู้สอน เพราะในระยะนั้นขาดแคลนครูจริงๆ นายโกวิทต้องขอครูจากโงเรียนอื่นมาช่วยสอนบ้างในบางชั่วโมงและพยายามช่วยกันสอนจนตลอดลอดฝั่ง
ในที่สุดปีพ.ศ. ๒๕o๖ โรงเรียนนครวิทยาได้รับรองวิทยฐานะเทียบเท่าโรงเรียนรัฐบาล ทำให้มีกำลังใจต่อสู้กับอุปสรรคต่อไป โดยไม่คิดหยุดยั้ง ต่อมาอีกประมาณ ๓ ปี ในปีพ.ศ. ๒๕o๙ โรงเรียนนครวิทยาก็เจริญขึ้นเรื่อยๆ จนสามารถยืนหยัดได้ด้วยขาที่แข็งแรง และมิใช่เพียงแต่ยืนอย่างเดียว ยังได้ก้าวไปข้างหน้าด้วย
กำลังขาที่มั่นคง ก้าวโดยไม่ยอมหยุดยั้งหรือถอยหลังแม้แต่ก้าวเดียว นับวันแต่จะก้าวหน้าไปเรื่อยๆ จนโรงเรียนมีครู ๔คน นักเรียนประมาณ ๑,ooo คนในปีพ.ศ.๒๕๑๙ ซึ่งเป็นที่ประสบความสำเร็จสูงสุด อย่างไรก็ตามโรงเรียนได้ปิดตัวเองลงเมื่อปีพ.ศ.๒๕๒๙
ต่อมาปีพ.ศ. ๒๕๓๖ นายสำราญ ตรีสัตยพันธุ์ หลานชายคนโตของนายโกวิท ตรีสัตยพันธุ์ และนางณัฐฏสุด ตรีสัตยพันธุ์ ภรรยานายสำราญ ดำเนินการบูรณะปรับปรุงอนุรักษ์และซ่อมแซมบ้านให้มีสภาพสวยงาม เป็นโบราณสถานเพื่อชนรุ่นหลังของชาวนครและนักท่องเที่ยวได้ชมความงามของเรือนปั้นหยาอายุกว่า ๐๐ ปีหลังนี้
ปัจจุบันบ้านและที่ดินแปลงนี้ครอบครัวนายสำราญ ตรีสัตยพันธุ์ เป็นเจ้าของและดำเนินการดูแลรักษาสืบไป 





เปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 8.00 - 20.00 น.





พิพิธภัณฑ์เมืองนครศรีธรรมราช




พิพิธภัณฑ์เมืองนครศรีธรรมราช

พิพิธภัณฑ์เมืองนครศรีธรรมราช คือ อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ของตั้งอยู่ภายในสวนสาธารณะสมเด็จพระศรีนครินทร์84 (ทุ่งท่าลาด) ตำบลนาเคียน อำเภอเมือง จังหวัดนครศรีธรรมราช โดยพิพิธภัณฑ์เมืองนครศรีธรรมราช จัดแสดงเกี่ยวกับเมืองนครฯ ตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์ถึงยุคปัจจุบัน ความรู้เรื่องชื่อเมือง ตรา 12 นักษัตร (ตราประจำเมือง)การตั้งถิ่นฐานของผู้คน การรับอิทธิพลด้านวัฒนธรรมจากต่างแดน ความสำคัญของนครฯ ในฐานะเมืองท่า ประวัติสังเขปของบุคคลสำคัญเมืองนครฯ เรื่องราวทางศาสนา เช่นศาสนสถานต่างๆ เรื่องราววิถีชีวิต วัฒนธรรม ประเพณี การละเล่น เหตุการณ์สำคัญของชาวเมืองนครฯ และนิทรรศการหมุนเวียน 





 อาคารหลังแรกมีซื่อว่า “อาคารวีรไทย” ประกอบด้วยการจัดแสดง ลักษณะทางภูมิศาสตร์-วิวัฒนาการเมือง-ประวัติยุคก่อนประวติศาสตร์-สมัยสุโขทัย-อยุธยา-รัตนโกสินทร์

 อาคารหลังที่สองมีชื่อว่า “อาคารเทิดไท้ราชินี” 
ผังจัดแสดง ชั้นที่ 1 เป็นการแสดงประวัติเมืองนคร ผู้ปกครองเมือง ศาสนา ศิลปะวัฒนธรรม ประเพณีที่มีการสืบทอดมาจนถึงปัจจุบัน รวมถึงบุคคลสำคัญที่ทำคุณประโยชน์ให้แก่จังหวัดประกอบไปด้วยโชนต่างๆดังนี้ 
โถงทางเข้าชั้นล่างจัดจำลองเหมือนผู้ชมนั่งอยู่ภายในเรือสมุทรโบราณและกำลังนำผู้ชมล่องเรือย้อนอดีตผ่านเมืองท่าต่างๆ ไปยังเมืองตามพรลิงค์เมืองท่าค้าขายทางทะเลที่สำคัญของคาบสมุทรไทย 









 เวลาทำการ : วันอังคาร - วันอาทิตย์ : 09.00 - 17.00 น.
สถานที่ตั้ง : ตั้งอยู่ภายในสวนสาธารณะสมเด็จพระศรีนครินทร์84 (ทุ่งท่าลาด) ต.นาเคียน อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช


พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ นครศรีธรรมราช






พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ นครศรีธรรมราช เป็นหน่วยงานหนึ่งของสำนักงานโบราณคดีและพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติที่ 11  นครศรีธรรมราช สังกัดสำนักโบราณคดีและพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กรมศิลปากร กระทรวงศึกษาธิการ  มีหน้าที่ในการเก็บรวบรวม สงวนรักษา และจัดแสดงโบราณศิลปวัตถุ อันเป็นมรดกทางวัฒนธรรมของคนในอดีต ตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ มาจนถึงสมัยประวัติศาสตร์ โดยเฉพาะในเขตจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้พบโบราณศิลปวัตถุที่สำคัญจำนวนมาก อันแสดงถึงความเป็นเมือง หรือชุมชนที่ยิ่งใหญ่เป็นศูนย์กลางทางด้านศิลปกรรม และศาสนา ทั้งศาสนาพุทธและศาสนาพราหมณ์ เคยเป็นเมืองท่า และเมืองศูนย์กลางในการติดต่อระหว่างประเทศ


    นอกจากนี้พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ นครศรีธรรมราช ยังเป็นสถานศึกษานอกระบบที่เอื้อประโยชน์ต่อการเรียนการสอนในวิชาท้องถิ่นของเรา ให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น

ประวัติและที่ตั้ง
   
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ นครศรีธรรมราช ตั้งอยู่ในบริเวณวัดสวนหลวงตะวันออกซึ่งเป็นวัดร้าง ตรงกันข้ามกับวัดสวนหลวงในปัจจุบัน ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดนครศรี-ธรรมราช ห่างจากวัดพระมหาธาตุไปทางทิศใต้ประมาณ  1  กิโลเมตรเศษ









พิพิธภัณฑ์
 วันพุธ - วันอาทิตย์
 09.00 - 16.00
ค่าธรรมเนียมเข้าชม  คนไทย 30 บาท คนต่างประเทศ 150 บาท 
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร.  0 7534 1075 

บ้านหนังตะลุง สุชาติ ทรัพย์สิน


บ้านหนังตะลุงสุชาติ

“นครศรีธรรมราช”แปลว่า“นครอันงามสง่าแห่งพระราชาผู้ทรงธรรม”ที่ควรมาเยือนสักครั้งในชีวิตนมัสการพระบรมธาตุเจดีย์เสริมบารมีตามรอยเส้นทางกินรีที่บ้านหนังตะลุงสุชาติทรัพย์สินศิลปินแห่งชาติที่มีตัวหนังมากมายและเก่าแก่กว่า200ปีชมการแสดงหนังตะลุงที่หาชมได้ยาก

ได้รับรางวัลอุตสาหรรมท่องเที่ยว(รางวัลกินรี)จากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
–รางวัลดีเด่นประเภทแหล่งท่องเที่ยววัฒนธรรมและโบราณสถานปีพ.ศ.2539
–รางวัลยอดเยี่ยมแหล่งท่องเที่ยวนันทนาการเพื่อการเรียนรู้ปีพ.ศ.2553






เป็นบ้านของ“นายสุชาติทรัพย์สิน”ศิลปินแห่งชาติสาขาศิลปะการแสดง(การแสดงพื้นบ้าน)ปีพ.ศ.2549บุคคลดีเด่นทางวัฒนธรรมสาขาการช่างฝีมือ(หัตถกรรมพื้นบ้าน:แกะหนังตะลุง)ปีพ.ศ.2531และได้รับรางวัลครูศิลป์ของแผ่นดินจากศูนย์ศิลปาชีพบางไทร



ตั้งอยู่บนถนนศรีธรรมโศกซอย3บริเวณบ้านจัดเป็นพิพิธภัณฑ์หนังตะลุง





เปิดทุกวันเวลา 08.00-17.00น.
ค่าชมการแสดงคนละ 50 บาท


ติดต่อสอบถาม
พิพิธภัณฑ์พื้นบ้านหนังตะลุงสุชาติทรัพย์สิน
6ถ.ศรีธรรมโศกซอย3ต.ในเมืองอ.เมืองจ.นครศรีธรรมราช80000
โทร.075-346-394

วันอังคารที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2560

เกาะนุ้ยนอก อ.ขนอม จ.นครศรีธรรมราช


เกาะนุ้ยนอก อ.ขนอม
จ.นครศรีธรรมราช


เกาะนุ้ยนอก  เกาะเล็กกลางทะเลในอำเภอขนอม จังหวัดนครศรีธรรมราช แต่มีสิ่งที่มหัศจรรย์บนเกาะ 
ทำให้เกาะแห่งนี้กลายเป็นสถานที่ Unseen เนื่องจากบนเกาะนี้มีบ่อน้ำจืดที่มีรูปร่างคล้ายกับรอยเท้าขนาดกว้างประมาณ 30 นิ้ว สามารถมองเห็นได้ในตอนที่น้ำทะเลลดลง ถ้าเป็นช่วงที่น้ำขึ้น บ่อน้ำนี้ก็จะถูกน้ำทะเลท่วมหมด เชื่อกันว่า พื้นที่แห่งนี้คือบริเวณที่เกิดตำนาน “หลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด” 

   ตามความเชื่อหรือเรื่องเล่านั้น เชื่อว่าบ่อน้ำนี้เกิดจากรอยเท้าของหลวงปู่ทวด ที่เชื่อว่าสามารถเหยียบน้ำทะเลจืดได้  โดยหลวงปู่ทวด ได้เดินทางไปกับเรือจากสงขลา ไปยังกรุงศรีอยุธยา ระหว่างทางเกิดพายุและทำให้เรือขาดแคลนน้ำจืด หลวงพ่อทวดจึงได้เหยียบน้ำ กลางทะเล ทำให้น้ำทะเลบริเวณนี้กลายเป็นแอ่งน้ำจืดกลางทะเลขึ้นเพื่อให้ลูกเรือได้ดื่ม  แต่ตามหลักวิทยาศาสตร์นักธรณีวิทยาอธิบายว่า  "บ่อน้ำจืด" 
    แห่งนี้ เป็นช่องเปิดที่ต่อเนื่องกับรอยแตกในชั้นหินใต้ผิวโลก และรอยแตกนั้นเชื่อมต่อกับสายน้ำใต้ดินหรือสายน้ำบาดาล ที่ซึมลงใต้ดิน จากพื้นแผ่นดินบนฝั่งเมื่อระดับน้ำทะเลลดต่ำลง น้ำจืดข้างล่างก็ดันน้ำเค็มออกหมดกลายเป็นบ่อน้ำจืดที่อยู่กลางทะเลน้ำเค็ม บนยอดเขาของเกาะนุ้ยจึงมีหลวงปู่ทวดประดิษฐานอยู่ด้วย เมื่อมาถึงเกาะนุ้ยนอก มีทางบันไดเดินขึ้นไปก็สะดวกเพื่อไปไหว้หลวงปู่ทวด ข้างบนมีจุดชมวิว สามารถมองเห็นเกาะสลับซับซ้อน บริเวณรอบๆ หากไปช่วงที่น้ำลงสามารถเดินข้ามไปมาระหว่างเกาะได้อย่างสบาย  บนเกาะยังมีห้องน้ำไว้บริการนักท่องเที่ยวด้วย



การเดินทางไปเกาะนุ้ยนอก

นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางมาที่เกาะได้โดยใช้เรือหางยาวจากท่าเรือแหลมประทับ อ่าวขนอม โดยที่ท่าเรือมีเรือหางยาวให้บริการ พร้อมเสื้อชูชีพ ลำละ 1000 บาท นั่งไม่เกิน 7 คน  โดยโปรแกรมท่องเที่ยวคือ ล่องเรือชมโลมสีชมพู ชมเขาหินพับผ้า และไปนมัสการ หลวงปู่ทวด ที่เกาะนุ้ยนอก ใช้เวลาท่องเที่ยวประมาณ 1-2 ชั่วโมง

เครดิตรูปจาก : http://www.paiduaykan.com